พาได้รู้จักกับสแลนกันแดด ทำอะไรได้บ้าง

สแลน เรียกอีกอย่างว่า ตาข่ายกรองแสง หรือ Shade Net เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ใช้งานได้หลายอย่าง แต่หน้าที่หลัก ๆ ก็ตรงตามชื่อเลย คือ ไว้กรองแสง บังแสง พรางแสง กล่าวคือ ทำให้ปริมาณความเข้มข้นของแสงลดลง ส่งผลให้อุณหภูมิ ความร้อน สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในพื้นที่ก็จะได้รับการปรับระดับไปด้วย

สแลนถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายทาง เช่น เกษตรกรนิยมใช้ทำโรงเรือน คลุมพื้นที่เพาะปลูก เพราะสามารถ “สร้าง” และ “ควบคุม” สภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ชนิดต่าง ๆ ได้ โดยการเลือกใช้ให้ถูกวิธี ปศุสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ บ่อปลา บ่อกุ้ง นิยมนำมาใช้กั้นคอก กั้นหลังคา กั้นพื้นที่เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น

สแลนกันแดด สแลนเขียว สแลนดำ สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีลักษณะเปิดโล่ง ใช้คลุมทำหลังคาโรงเรือน หลังคาโรงจอดรถ, พื้นที่เก็บสิ่งของ, คลุมพืชผักสวนครัวและสวนต่าง ๆ ที่ต้องการร่มเงา โดยผลิตจากพลาสติกที่มีความเหนียวเป็นพิเศษ ทำให้ฉีกขาดได้ยาก และทนต่อสภาวะแวดล้อมได้ดี

สแลนทำจากอะไร?

วัตถุุดิบที่ใช้ในการผลิต คือ High Density Polyethylene หรือเรียกชื่อย่อว่า HDPE เป็นพลาสติกประเภทโพลิเอทิลีน ที่มีความหนาแน่นสูง มีคุณสมบัติพิเศษเมื่อนำไปใช้งานหลายอย่าง ได้แก่

  • มีสีขุ่น แสงผ่านได้น้อย เหมาะกับการนำไปผลิตเป็นวัตถุป้องกันแสง
  • ทนต่อความร้อนจากแสงแดดและความร้อนจากสภาพอากาศได้สูงถึง 80 – 100 องศาเซลเซียส
  • ทนต่อความเย็นได้ต่ำกว่าระดับจุดเยือกแข็ง
  • ป้องกันความชื้นซึมผ่านได้ดีมาก จึงสามารถใช้งานได้ทั้งการป้องกันการเปียกชื้น และ การเก็บกักรักษาความชุ่มชื้น
  • ไม่ไวต่อสารเคมี จึงสามารถใช้ได้ทั้งกับสภาพความเป็นกรด และเป็นด่าง
  • มีความเหนียว ยืดหยุ่นสูง ทนทานนานปี
  • จำกัดการผ่านของอากาศ จึงใช้งานได้ทั้งการป้องกันอากาศจากภายนอก และปกป้องควบคุมบรรยากาศภายใน
  • สามารถใส่เม็ดสีได้โดยไม่กระทบต่อคุณสมบัติการใช้งาน

สแลน มีกี่ประเภท?

สแลน มีกี่ประเภท?


แบ่งประเภทตามกรรมวิธีการผลิต ได้ 2 ประเภท คือ

1) สแลนแบบถัก

ชนิดนี้ทำจากโพลิเอทิลีนน้ำหนักเบา จึงเหมาะกับเกษตรกรรม การเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ กสิกรรมทุกประเภท

2) สแลนแบบทอ

ตาข่ายชนิดนี้มีน้ำหนักมากกว่า ทิ้งตัวดี มีความยืดหยุ่นและทนทานสูง จึงนิยมใช้ในการเลี้ยงสัตว์และทำสิ่งปลูกสร้างที่ต้องการความแน่นหนามั่นคง

ทำไมเกษตรกรและคนปลูกต้นไม้ควรใช้ สแลน?

แลนช่วยเพิ่มผลผลิตแต่ลดอายุการเก็บเกี่ยวให้สั้นลง

พืชแต่ละชนิดนั้นต้องการปริมาณและความเข้มข้นของแสงในการเจริญเติบโตแตกต่างกัน บางชนิดต้องโดนแดดมากจึงจะออกดอกออกผล เช่น โกสน โป๊ยเซียน มะเขือ พริก เป็นต้น

ในขณะที่บางชนิดต้องการแสงแดดที่กำลังพอดี เช่น คะน้า กวางตุ้ง และบางชนิดต้องแดดรำไร ความเข้มข้นต่ำเท่านั้น จึงจะงอกงามดี เช่น ผักชี ต้นหอม ขิง ข่า กล้วยไม้ ฯลฯ

สแลน จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโต ออกดอกออกผล ของพืชได้ด้วยคุณสมบัติการพรางแสง เกษตรกรสามารถเลือกได้ว่าจะให้แสงแดดผ่านมากน้อยแค่ไหน มีตั้งแต่ 30% – 80% เลยทีเดียว นอกจากพรางแสงแล้ว ด้วยความถี่ของตาข่ายและลักษณะของตาข่าย ยังช่วยในเรื่องการกระจายของแสงทั่วถึงและดีขึ้นอีกด้วย 

แสงแดดที่ทั่วถึงและเหมาะสมจะทำให้พืชโตเร็ว ให้ผลผลิตดี ใช้ระยะเวลาในการปลูกสั้นลง ยิ่งถ้าปลูกเป็นพืชล้มลุก ในรอบ 1 ปี เกษตรกรจะสามารถสร้างรายได้ได้มากขึ้นกว่าเดิมเพราะสามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้ง 

สแลน ช่วยลดต้นทุนการใช้น้ำและปุ๋ย

การปลูกพืชบางชนิด โดยเฉพาะพืชจากต่างประเทศที่นำมาเพาะในประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน ทำให้เกษตรกร ผู้เพาะปลูกต้องสิ้นเปลืองต้นทุนไปกับการให้น้ำและให้ปุ๋ยเพื่อบำรุงเร่งการเจริญเติบโต และการใช้ปุ๋ยมากเกินไปจะส่งผลเสียตามมา แม้ว่าปุ๋ยที่ใช้จะเป็นปุ๋ยจากธรรมชาติหรือปุ๋ยคอก ก็ตาม ผลกระทบที่ตามมา คือ ทำให้ดินมีสภาพความเป็นกรดหรือด่างสูงมากเกินไป หรือทำให้พืชเสี่ยงต่อการเป็นโรค เพราะโรคระบาดบางชนิดก็มากับปุ๋ย โดยเฉพาะปุ๋ยมูลสัตว์

หากเกษตรกรหันมาใช้สแลนและเลือกแบบที่เหมาะสมกับชนิดของพืชที่ปลูก จะทำให้เกษตรกรสามารถปรับและควบคุมสภาพแวดล้อมได้ด้วยเช่นกัน คือ

  • ควบคุมอุณหภูมิ ความร้อน
  • ควบคุมอากาศที่ถ่ายเท
  • ควบคุมความชื้น
  • ควบคุมปริมาณน้ำฝน

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พืชเติบโต ได้ผลผลิตงอกงามดี โดยไม่ต้องรดน้ำบ่อย ไม่ต้องใส่ปุ๋ยมาก จึงถือเป็นการช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลกำไรได้อีกทางด้วย

สแลนแต่ละสี แตกต่างกันอย่างไร?

สีของสแลนนั้น มีให้เลือกทั้งสีดำ และ สีเขียว ทั้ง 2 สีนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของสีกับแสงที่ให้ความรู้สึก คือ สีดำจะไปตัดทอนค่าความยาวของคลื่นแสง แสงที่ลอดผ่านสแลนสีดำนั้นจะเป็นแสงสีขาวแบบที่เราเห็นทั่วไป แต่สแลนสีอื่นจะสะท้อนค่าความยาวของคลื่นแสงที่เป็นสีเดียวกับสีของสแลนนั้นดังนั้น ความแตกต่างของสีสแลนนั้น ยังไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่ขึ้นอยู่กับผู้เลือกใช้มากกว่า


ซึ่งพืชต้องการแสงสีน้ำเงินและสีแดงเป็นหลัก ซึ่งรวมอยู่ในแสงสีขาวอยู่แล้ว ถ้าแสงสีเหล่านี้ถูกตัดทอนออกไปจะมีผลต่อการสังเคราะห์แสงจนถึงการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้คนส่วนใหญ่เลือกใช้สแลนสีเขียวมากกว่าสแลนสีดำ เพราะสแลนสีดำเก็บความร้อนได้ดีกว่าสีเขียว แต่ส่งผลระยะยาวคือ สแลนสีดำจะผุพัง เสื่อมสภาพเร็วกว่าสแลนสีเขียวนั่นเอง

สำหรับเกษตรกรที่กำลังมองหาสแลนไว้ใช้สำหรับบังแสงให้แปลงเพาะปลูก อาจต้องคำนึงถึงเรื่องช่วงวัยของพืชตามไปด้วย เช่น ช่วงเพาะและอนุบาลต้นกล้า จำเป็นต้องลดแสงแดดสูง จึงควรใช้สแลน 80% เพราะต้นไม้จะได้เติบโตได้ดี เมื่อต้นกล้าแข็งแรงดีแล้ว เราควรเปลี่ยนมาใช้สแลน 50% เพื่อเพิ่มปริมาณแสงแดดมากขึ้น เว้นแต่การเลี้ยงพืชที่ต้องการแสงรำไรในทุกช่วงวัย เช่น กล้วยไม้ เราควรใช้สแลน 80% ตลอดช่วงอายุ



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น